Pra Sum Khor was classiflied as a great amulet from the main city of Kamphaeng Phet province .It is an immortal amulet for buddhist arts . There are many types of Prasum Kor amulets
Ex . Pra Kampaeng Sum Khor from รังสรรค์ ต่อสุวรรณ/Rangsan Torsuwan fanpage
Ex. Pra Kampaeng Sum Khor from รังสรรค์ ต่อสุวรรณ/Rangsan Torsuwan fanpage
Ex. พระกำแพงซุ้มกอ (ดำ) พิมพ์ใหญ่ไม่มีลายกนก กรุลานทุ่งเศรษฐี
Ex. Phra Sum Khor (black), large print, without Kanok pattern from Thung Sethi .
Wat Pikul
Another name for Pra Sum Khor was Pra Kampaeng Tung Sesti
( The Field of Rich people )
Some details about Pra Sum Khor ( in Thai )
พระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ พิมพ์มีลายกนก เนื้อแดง กรุซุ้มกอ ลานทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชร ต้นกำนิดของพระซุ้มกอกำแพงเพชรได้แก่พระซุ้มกอพิมพ์ใหญ้ พิมพ์มีลายกนก ของวัดซุ้มกอ ล่นทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชร “มึงมีกูแล้วไม่จน” จากบันทึกในใบลานเงิน ซึ่งขุดได้จากกรุวัดบรมธาตุ มีตำนานกล่าวไว้ว่ามีฤาษี 11 ตน ฤาษีเป็นใหญ่ 3 ตน ฤทษีพิราลัยตนหนึ่ง ฤาษีตาไฟตนหนึ่ง ฤาษีตาวัวตนหนึ่ง เป็นประธานแก่ฤาษีทั้งหลาย ได้ปรึกษากันว่า เราจะทำด้วยฤทธิ์ ทำด้วยเครื่องประดิษฐานเงินทางไว้ฉะนี้ ฉลองพระองค์จึงทำด้วยเมฆพัตรอุทุมพรเป็นมฤตย์ใหญ่น้อย เป็นอานุภาพแก่มนุษย์ทั้งหลาย สมณชีพราหมณาจารย์ไปถ้วน 5,000 พรรษา จงไปเอาว่านทั้งหลายอันมีฤทธิ์ เอามาให้ได้ 1,000 เก็บเอาเกษรดอกไม้อันวิเศษที่มีกฤษณาให้ได้สัก 1,000 แล้วป่าวร้องเทวดาทั้งปวงให้มาช่วยบดยาทำเป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่ง ทำเป็นเมฆพัตรไว้สถานหนึ่ง จึงเป็นพุทธประติมากรรมที่เรียกว่าพระเครื่อง มีอยู่มากมายหลายกรุ สำหรับพระเครื่องที่นิยมอย่างสูงเช่นพระซุ้มกอ เป็นพระเครื่องดินเผามีขนาดเท่า ๆ กับหัวนิ้วโป้ง มีซุ้มนอกเป็นเส้นซุ้มโค้งบน องค์พระประธานเป็นพระนั่งทางสมาธิประทับบนฐานกลีบบัวชั้นเดียว ระหว่างซุ้มกับองค์พระประธานมีลานกนกรอบ ๆ องค์พระประธาน ขุดพบครั้งแรกรอบ ๆ พระเจดีย์ในวัดซุ้มกอ ลานทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชร ชาวบ้านจึงได้ขนานพระนามพระพิมพ์นี้ว่า พระซุ้มกอ อันเป็นต้นกำเนิดของพระซุ้มกอที่ได้ขุดพบอีกหลายสิบกรุ เป็นพระเครื่องสุดยอดนิยมและเป็นหนึ่งในพระชุดเบญจภาคีครับ ที่ผมกล่าวว่าเป็นต้นกำเนิดของพระซุ้มกอนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นพระที่สร้างขึ้นครั้งแรก โดยที่อายุการสร้างประมาณ 600 ปี แต่ผมหมายถึงเป็นพระที่ขุดพบเป็นครั้งแรกที่กรุวัดซุ้มกอ จนเป็นที่มาของพระนามของพระว่า พระซุ้มกอ โดยในความเป็นจริงนั้น พระซุ้มกอ กรุซุ้มกอนี้เป็นพระที่มีไม่มากนัก วงการพระในกรุงเทพฯก็ไม่ค่อยจะได้พบมากนัก พุทธศิลป์ขององค์พระจึงแตกต่างกับพระซุ้มกอกรุวัดบรมธาตุ และกรุฤาษี ซึ่งมีการขุดพบเป็นจำนวนมาก พระซุ้มกอกรุซุ้มกอส่วนใหญ่จะเป็นพระเนื้อแดง มีพุทธศิลป์ที่หนามาก หนาเกือบจะสองเท่าของพระซุ้มกอกรุอื่น ๆ องค์พิมพ์จะลึกมาก ลึกจนลายกนกปลิ้นเป็นฉาก และมีรายละเอียดที่คมชัดมาก มีลายกนกเศียรพญานาค 2 ลายบริเวณไหล่ซ้ายขององค์พระประธาน ในขณะที่องค์พระประธานจะมีความล่ำสันมาก มีเปลือกตาโตและศิลปะมองต่ำ เส้นคิ้วขีดลึกทั้งสองข้าง ความที่องค์เศียรพระกลมนูน เป็นเหตุให้ศิบปะบริเวณจมูกดูอูมโตเป็นเค้าโครง ใต้จมูกเป็นร่องปากลึกเห็นชัด กระจังหน้าจะคมชัด มีพระกรรณกางออกทั้งสองข้าง และที่สำคัญก็คือมือทั้งสองข้างจะวางซ้อนกันอย่างคมชัด เส้นครอบแก้วทางด้านอด้านซ้ายมือซึ่งจะเล็กที่สุด พื้นระหว่างแขนกับองค์พระกายทั้งสองข้างจะเจาะลึก เป็นถ้ำลึกมาก และที่สำคัญก็คือ กำไลข้อเท้าทั้งสองข้างเป็นกำไลสามปล้อง พิมพ์หลังเรียบและเนื้อแน่น เนื่องจากพระซุ้มกอกรุซุ้มกอเป็นเนื้อดินเผาที่ไม่มีกรวดทราย เนื้อจึงจะดูนุ่ม และถ้าใช้แล้วชุ่มเหงื่อ องค์พระอาจจะปริแตกกลางเป็นพิมพ์หน้า พิมพ์หลัง จึงควรสังเกตุขอบข้างขององค์พระที่ควรจะสมบูรณ์และหนาครับ
My family Collections :Phra Kamphaeng Sum Khor Trong Krueng
พระกำแพงซุ้มกอทรงเครื่อง
Kamphaeng Phet Historical Park is located on the east bank of Ping River in Amphoe Muang, Kamphaeng Phet Province including the area of Kamphaeng Phet ancient city. This area is a river plain connected with Yom River and Nan River in the area of Phichit Province and Phitsanulok Province and also Pa Sak River in Phetchabun Province. The northern and western areas are mountain. According to the topography found that this area is proper for ancient community settlement since Prehistoric age which was convenient to communicate with Plain communities as well as being a depot community for changing transportation plan from the plain area to the mountain area in the north and west later.
In history period, this area is a dominant stronghold of warfare connecting Sukhothai with Ayutthaya and Larn Na. The archaeological evidence which found at Kamphaeng Phet town demonstrated a relevant feature with the three possessions and also developed art style and presented as the exquisite Kamphaeng Phet Art which is the remarkable identity of Kamphaeng Phet.
The landscape of Kamphaeng Phet ancient city can be seen in a trapezoid-shaped that ranged parallel with Ping River. Originally, the city rampart is 3-layerd moat and mound before developed the internal rampart to be a laterite rampart. The upper battlement created as Sema and surrounded with fortress.
Map of Kamphaeng Phet province
Phutthakhun is placed in the highest Benjapee costume of Thai amulets. Pra Sum Kor was made of soil mixed with aloe and flower pollen, and made of chin (Tin & Lead) Also has the characteristics of the Buddha arch, the body of the Buddha sculpture In the Sukhothai period Meditation with Kanok pattern on the side of the Buddha image sitting on the lotus claw elephant. The edge of the print is rounded, similar to the old chicken body, so it is called "Phra Sum Kor". There were 5 prints that were found, consisting of big print, separated into 2 types, with a Kanok pattern and no Kanok pattern. Most monks without the Kanok pattern are black. Or dark brown, which we often call "Phra Kum peang Sum Kor ", middle print, small print, small print, reverb Print puff pastry Wall Both have a Kanok pattern and no Kanok pattern, an amulet style from Sukhothai art mixed with Sri Lankan art. Especially without the kanok pattern, it is evident that it is a Sri Lankan art. Wall The body of the Buddha Use soil mixed with flower pollen. Thus making the texture of Phra Kum peang Sum Kor look soft and glossy when we use clothto wipe , it will create a shiny look immediately.
Another distinctive feature of amulets . That is, on the skin of the Buddha image there is a red dot which we call “Wan Dok Tamarind” and in the nook of the Buddha image there is a black spot, which we call "Ra Dam caught in the nook of the amulets "
Pra Kum Peang Sum Kor In addition to the colours like the ground beef, there is also a very rare type of meat that is pure aloe meat.
Pra Sum Kor :The excavations will be found in the area of Wat Boramthat, Wat Phikul, Wat Ruesi and throughout the area of Thung Sethi courtyard.
That does not have a brown pattern that is very rare. Because most of them are black.
พระกำแพงซุ้มกอ จัดเป็นพระที่สุดยอด และเอกของเมืองกำแพงเพชร เป็นพระที่อมตะ ทั้งพุทธศิลป์ และพุทธคุณถูกจัดอยู่ในชุดเบญจภาคีที่สูงสุดของพระเครื่องเมืองไทย พระกำแพงซุ้มกอ เป็นพระที่ทำจากเนื้อดินผสมว่านและเกสรดอกไม้ และทำจากเนื้อชิน ก็มีพุทธลักษณะของพระซุ้มกอนั้นองค์พระประติมากรรม ในสมัยสุโขทัย นั่งสมาธิลายกนกอยู่ด้านข้างขององค์พระนั่งประทับอยู่บนบัวเล็บช้าง ขอบของพิมพ์พระจะโค้งมนลักษณะคล้ายตัว ก.ไก่ คนเก่า ๆ จึงเรียกว่า “พระซุ้มกอ” พระกำแพงซุ้มกอ ที่ค้นพบมีด้วยกัน 5 พิมพ์ ประกอบด้วย พิมพ์ใหญ่ แยกออกเป็น 2 ประเภท คือ มีลายกนกและไม่มีลายกนก พระที่ไม่มีลายกนกส่วนใหญ่มักจะมีสีดำ หรือสีน้ำตาลแก่ซึ่งเรามักจะเรียกว่า “พระกำแพงซุ้มกอดำ” พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์เล็กพัดโบก พิมพ์ขนมเปี๊ย พระกำแพงซุ้มกอ ทั้งมีลายกนกและไม่มีลายกนกเป็นพระที่มีศิลปะของสุโขทัยปนกับศิลปะศรีลังกา โดยเฉพาะไม่มีลายกนกจะเห็นว่าเป็นศิลปะศรีลังกาอย่างเด่นชัด พระกำแพงซุ้มกอ เนื้อขององค์พระ ใช้ดินผสมกับว่านเกสรดอกไม้ จึงทำให้เนื้อของพระซุ้มกอมีลักษณะนุ่มมัน ละเอียดเมื่อนำสาลีหรือผ้ามาเช็ดถูจะเกิดลักษณะมันวาวขึ้นทันที
ลักษณะของเนื้อที่เด่นชัดอีกประการหนึ่ง คือตามผิวขององค์พระจะมีจุดสีแดง ๆ ซึ่งเราเรียกว่า “ว่านดอกมะขาม” และตามซอกขององค์พระจะมีจุดดำ ๆ ซึ่งเราเรียกว่า “ราดำจับอยู่ตามบริเวณซอกของพระ”
พระกำแพงซุ้มกอ นั้นนอกจากเนื้อดินยังพบเนื้อชินและชนิดที่เป็นเนื้อว่านล้วน ๆ ก็มีแต่น้อยมาก
พระกำแพงซุ้มกอ ที่ขุดค้นพบนั้นจะปรากฏอยู่ตามบริเวณวัดบรมธาตุ วัดพิกุล วัดฤาษีและตลอดบริเวณลานทุ่งเศรษฐี
พระกำแพงซุ้มกอ ที่ไม่มีลายกนกที่มีสีน้ำตาลนั้นจัดเป็นพระที่หาได้ยากมาก เพราะส่วนใหญ่จะมีสีดำ
พระกำแพงซุ้มกอ เป็นพระพุทธคุณนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะพระกำแพงซุ้มกอ มีครบเครื่องไม่ว่าเรื่อง เมตตา มหานิยม แคล้วคลาด ตลอดจนเรื่องโชคลาภ จนมีคำพูดที่พูดติดปากกันมาแต่โบราณกาลว่า “มีกูแล้วไม่จน” ประกอบกับพระกำแพงซุ้มกอ ถูกจัดอยู่หนึ่งในห้าของชุดเบญจภาคี ความต้องการของนักนิยมพระเครื่องจึงมีความต้องการสูงเพราะทุกคนต้องการแต่พระกำแพงซุ้มกอทั้งนั้น ราคาเช่าหาจึงแพงมาก และหาได้ยากมากด้วย
พระกำแพงซุ้มกอ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ไหนก็ตามหรือจะเป็นเนื้อดินเนื้อว่าน ตลอดจนเนื้อชิน พุทธคุณเหมือนกันหมด แล้วแต่ว่าท่านจะหาพิมพ์ไหนมาได้
พระกำแพงซุ้มกอ จึงจัดว่าอยู่ในพระอมตะพระกรุอันทรงคุณค่าที่ควรค่าแก่การหา และนำมาเพื่อเป็นศิริมงคล เป็นอย่างมากทีเดียว
Comments